แนวข้อสอบครูผู้ช่วย สพฐ. 100 ข้อ
..............................................
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553
1. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 3)ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 21 กรกฎาคม 2553 ข. 22 กรกฎาคม 2553
ค. 21 ธันวาคม 2551 ง. 22 ธันวาคม 2551
ตอบ ข. 22 กรกฎาคม 2553
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 3)ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 22 กรกฎาคม 2553
2. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 3) ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 12 กรกฎาคม 2553 ข. 14 กรกฎาคม 2553
ค. 13 กรกฎาคม 2553 ง. 15 กรกฎาคม 2553
ตอบ ก. 12 กรกฎาคม 2553
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 3) ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นปีที่ ๖๕ ในรัชกาลปัจจุบัน
3. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 3) ให้ใช้บังคับตั้งแต่วัน
ก. วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. 90 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. 180 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
4. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 3) มีกี่มาตรา
ก. 5 มาตรา ค. 7 มาตรา
ข. 6 มาตรา ง. 8 มาตรา
ตอบ ง. 8 มาตรา
5. ข้อใดเป็นเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 3)
ก. มีการแยกเขตพื้นที่การศึกษา ค. มีการปรับปรุงเขตพื้นที่การศึกษา
ข. มีการเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษา ง. มีการแก้ไขเขตพื้นที่การศึกษา
ตอบ ค. มีการปรับปรุงเขตพื้นที่การศึกษา
6. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 3) ได้ยกเลิกพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 2) มาตราใด
ก. ความในวรรคสี่ของมาตรา 7 ค. ความใน(5)มาตรา 7
ข. ความในวรรคหนึ่งของมาตรา 21 ง. ถูกทั้ง ข และ ง
ตอบ ง. ถูกทั้ง ข และ ง
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความใน (๕) ของมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
7. ผู้ใดรับสนองพระบรมราชโองการพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 3)
ก. ประธานรัฐสภา ค. ประธานวุฒิสภา
ข. นายกรัฐมนตรี ง. ประธานสภาผู้แทนราษฎร
ตอบ ข.นายกรัฐมนตรี
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
8. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 2) ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 10 กุมภาพันธ์ 2551 ค. 12 กุมภาพันธ์ 2551
ข. 11 กุมภาพันธ์ 2551 ง. 13 กุมภาพันธ์ 2551
ตอบ ง. 13 กุมภาพันธ์ 2551
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 2) ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นปีที่ ๖๓ ในรัชกาลปัจจุบัน
9. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 2) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 20 กุมภาพันธ์ 2551 ข. 21 ธันวาคม 2551
ค. 24 ธันวาคม 2547 ง. 21 กุมภาพันธ์ 2551
ตอบ ก.20 กุมภาพันธ์ 2551
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับที่ 2) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2551
10. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2)พ.ศ.2551 มีผลใช้บังคับเมื่อใด
ก. 20 กุมภาพันธ์ 2551 ข. 22 กุมภาพันธ์ 2551
ค. 21 กุมภาพันธ์ 2551 ง. 23 กุมภาพันธ์. 2551
ตอบ ก. 20 กุมภาพันธ์ 2551
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
11. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) มีกี่มาตรา
ก. 15 มาตรา ค. 17 มาตรา
ข. 16 มาตรา ง. 18 มาตรา
ตอบ ค. 17 มาตรา
12. ผู้ใดรับสนองพระบรมราชโองการพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2)
ก. นายวิษณุ เครืองาม ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ข. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ง. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ตอบ ข. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
13. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 21 ธันวาคม 2547 ค. 23 ธันวาคม 2547
ข. 22 ธันวาคม 2547 ง. 24 ธันวาคม 2547
ตอบ ก. 21 ธันวาคม 2547
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นปีที่ ๕๙ ในรัชกาลปัจจุบัน
14. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 22 ธันวาคม 2547 ค. 24 ธันวาคม 2547
ข. 23 ธันวาคม 2547 ง. 25 ธันวาคม 2547
ตอบ ข. 23 ธันวาคม 2547
15. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. 22 ธันวาคม 2547 ค. 24 ธันวาคม 2547
ข. 23 ธันวาคม 2547 ง. 25 ธันวาคม 2547
ตอบ ค. 24 ธันวาคม 2547
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
16. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 คือใคร
ก. นายอุทัย พิมพ์ใจชน ค. นายสุชน ชาลีเครือ
ข. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ง. นายวิษณุ เครืองาม
ตอบ ง. นายวิษณุ เครืองาม
17. บุคลากรทางการศึกษา หมายถึงบุคคลในข้อใด
ก. ผู้บริหารการสถานศึกษา
ข. ผู้บริหารการศึกษา
ค. ผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการหรือปฏิบัติเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการ
เรียกการสอน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
“บุคลากรทางการศึกษา” หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ การบริหารการศึกษา และปฏิบัติงานอื่นในหน่วยงานการศึกษา
18. หน่วยงานการศึกษา หมายถึงข้อใด
ก. สถานศึกษา ข. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ค. สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
“หน่วยงานการศึกษา” หมายความว่า
(๑) สถานศึกษา
(๒) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(๓) สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน
(๔) แหล่งการเรียนรู้ตามประกาศของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(๕) หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการหรือตามประกาศกระทรวง หรือหน่วยงานที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากำหนด
19. ผู้ที่ประกอบวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ ในสถานศึกษาของรัฐ หมายถึงบุคคลในข้อใด
ก. ข้าราชการครู ข. คณาจารย์
ค. บุคลากรทางการศึกษา ง. อาจารย์
ตอบ ก.ข้าราชการครู
“ข้าราชการครู” หมายความว่า ผู้ที่ประกอบวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาของรัฐ
20. ผู้มีอำนาจออกคำสั่งให้ครูผู้ช่วยออกจากราชการ
ก. ผู้อำนวยการสถานศึกษา
ข. ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ค. ผู้อำนวยการสถานศึกษาโดยความเห็นชอบ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่
ง. ผอ.สพท.โดยอนุมัติ อ.ก.ค.ศ.
มาตรา ๑๐๘ นอกจากกรณีตามวรรคสี่ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา ๕๓ เป็นผู้พิจารณาอนุญาต
ในกรณีที่ผู้มีอำนาจตามมาตรา ๕๓ พิจารณาเห็นว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ จะยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกไว้เป็นเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับตั้งแต่วันขอลาออกก็ได้ แต่ต้องแจ้งการยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกพร้อมทั้งเหตุผลให้ผู้ขอลาออกทราบ และเมื่อครบกำหนดเวลาที่ยับยั้งแล้วให้การลาออกมีผลตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดเวลาที่ยับยั้ง
ถ้าผู้มีอำนาจตามมาตรา ๕๓ ไม่ได้อนุญาตให้ลาออกตามวรรคหนึ่งและไม่ได้ยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกตามวรรคสอง ให้การลาออกนั้นมีผลตั้งแต่วันขอลาออก
ในกรณีที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นหรือการเลือกตั้งอื่นที่มีลักษณะเป็นการส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชา และให้การลาออกมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้นั้นขอลาออก
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553
1. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 เป็นฉบับที่เท่าไร
ก. ฉบับที่ 1 ค. ฉบับที่ 3
ข. ฉบับที่ 2 ง. ฉบับที่ 4
ตอบ ข. ฉบับที่ 2
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓”
2. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 12 กรกฎาคม 2553 ค. 22 กรกฎาคม 2553
ข. 13 กรกฎาคม 2553 ง. 23 กรกฎาคม 2553
ตอบ ก. 12 กรกฎาคม 2553
พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นปีที่ ๖๕ ในรัชกาลปัจจุบัน
3. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 เป็นปีที่เท่าไรในรัชกาลปัจจุบัน
ก. 22 ค. 56
ข. 23 ง. 65
ตอบ ง. 65 ( ดูคำอธิบายข้อ 2 )
4. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันใด
ก. 12 กรกฎาคม 2553 ค. 22 กรกฎาคม 2553
ข. 13 กรกฎาคม 2553 ง. 23 กรกฎาคม 2553
ตอบ ค. 22 กรกฎาคม 2553
พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เล่ม ๑๒๗ ตอนที่ ๔๕ ก
5. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ใช้บังคับวันใด
ก. 13 กรกฎาคม 2553 ค. 23 กรกฎาคม 2553
ข. 14 กรกฎาคม 2553 ง. 24 กรกฎาคม 2553
ตอบ ค. 23 กรกฎาคม 2553
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
6. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 มีกี่มาตรา
ก. 6 ค. 7
ข. 5 ง. 4
ตอบ ก. 6
7. ใครเป็นผู้รักษาการ ตาม พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553
ก. นายกรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรี
ข. รองนายกรัฐมนตรี ง. ปลัดกระทรวง
ตอบ ค. รัฐมนตรี
มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
8. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 คือใคร
ก. นายกรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรี
ข. รองนายกรัฐมนตรี ง. เลขาธิการ
ตอบ ก. นายกรัฐมนตรี
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
9. ให้ตรา พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ตามข้อใด
ก. คำแนะนำของรัฐสภา ค. คำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ข. คำยินยอมของรัฐสภา ง. คำแนะนำและยินยอมของสภาการศึกษา
ตอบ ค. คำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
10. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 มีผลใช้บังคับวันใด
ก. วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. ครบกำหนดเก้าสิบวันหลังวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. ครบกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันหลังจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
11. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553 ยกเลิก มาตราใดใน พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546
ก. มาตรา 33 ค. มาตรา 37
ข. มาตรา 35 ง. มาตรา 39
ตอบ ก. มาตรา 33
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๓๓ การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษาโดยคำนึงถึงระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวนสถานศึกษา จำนวนประชากร วัฒนธรรมและความเหมาะสมด้านอื่นด้วย เว้นแต่การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการอาชีวศึกษาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำแนะนำของสภาการศึกษามีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
ในกรณีที่สถานศึกษาใดจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาการกำหนดให้สถานศึกษาแห่งนั้นอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษาใด ให้ยึดระดับการศึกษาของสถานศึกษานั้นเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษาหรือมีเหตุผลความจำเป็นอย่างอื่นตามสภาพการจัดการศึกษาบางประเภท คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอาจประกาศกำหนดให้ขยายการบริการการศึกษาขั้นพื้นฐานของเขตพื้นที่การศึกษาหนึ่งไปในเขตพื้นที่การศึกษาอื่นได้”
12. การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดตามข้อใด
ก. ประกาศคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. ยึดกฎกระทรวง
ค. ยึดระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. เขตพื้นที่การศึกษา
ตอบ ง. เขตพื้นที่การศึกษา
13. ใครเป็นผู้มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่มัธยมศึกษา
ก. ปลัดกระทรวงตามคำแนะนำของสภาการศึกษา
ข. รัฐมนตรีตามคำแนะนำของสภาการศึกษา
ค. รัฐมนตรีตามคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. เลขาธิการตามคำแนะนำสภาการศึกษา
ตอบ ข. รัฐมนตรีตามคำแนะนำของสภาการศึกษา
มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำแนะนำของสภาการศึกษามีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อกำหนดหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาสำหรับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวัน
นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
14. กรณีที่สถานศึกษาใดจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้ยึดตามข้อใดในการอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษา
ก. เป้าหมายการจัดการศึกษา ค. ระดับการศึกษาของสถานศึกษา
ข. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ง. ที่ตั้งของสถานศึกษา
ตอบ ค. ระดับการศึกษาของสถานศึกษา
15. การดำเนินการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวกับสถานศึกษาเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าจะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเขตพื้นที่การศึกษาใดให้เป็นไปตามข้อใด
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกำหนดโดยคำแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค. เลขาธิการคณะกรรมกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. เลขาธิการคณะกรรมกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดโดยคำแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตอบ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
16. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาสำหรับเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่มัธยมศึกษาต้องทำให้แล้วเสร็จตามข้อใด
ก. 90 วัน ค. 90 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศใช้
ข. 180 วัน ง. 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ตอบ ง. 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ( ดูคำอธิบายข้อ 13 )
17. ข้อใด ไม่ใช่ เหตุผลในการประกาศใช้ พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2553
ก. ความไม่คล่องตัวในการบริหารราชการ
ข. ให้การบริหารการศึกษามีประสิทธิภาพ
ค. ให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
ง. ให้การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิผล
ตอบ ง. ให้การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิผล
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การจัดระเบียบบริหารราชการในเขตพื้นที่การศึกษากำหนดให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษาประกอบด้วยการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา ซึ่งมีการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานรวมอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ทำให้เกิดความไม่คล่องตัวในการบริหารราชการ สมควรแยกเขตพื้นที่การศึกษาออกเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เพื่อให้การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการพัฒนาการศึกษาแก่นักเรียนในช่วงชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้สัมฤทธิผลและมีคุณภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
1.
2.
18. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 เกิดจากกฏหมายในข้อใด
ก. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
ข. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540
ค. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
ง. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545
ตอบ ก. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
19. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ. 2546 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 1 กรกฏาคม 2546 ค. 7 กรกฏาคม 2546
ข. 6 กรกฏาคม 2546 ง. 8 กรกฏาคม 2546
ตอบ ข. 6 กรกฏาคม 2546
20. พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ. 2546 มีผลบังคับใช้วันใด
ก. 1 กรกฏาคม 2546 ค. 7 กรกฏาคม 2546
ข. 6 กรกฏาคม 2546 ง. 8 กรกฏาคม 2546
ตอบ ค.7 กรกฏาคม 2546
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
1. พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. 11 มิถุนายน 2546 ข. 12 มิถุนายน 2546
ข. 24 พฤษภาคม 2546 ง. 25 พฤษภาคม 2546
2. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. เลขาธิการคุรุสภา ง. ประธานคณะกรรมการคุรุสภา
3. คำว่า “กระทรวง” ในพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 หมายถึงข้อใด
ก. สำนักนายกรัฐมนตรี ข. ทบวงมหาวิทยาลัย
ค. กระทรวงศึกษาธิการ ง. ถูกทุกข้อ
4. คำว่า “ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา” ในพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 หมายถึงข้อใด
ก. ครู ข. ผู้บริหารสถานศึกษา
ค. ผู้บริหารการศึกษา ง. ถูกทุกข้อ
5. ผู้บริหารสถานศึกษา หมายถึงข้อใด
ก. บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาภายในเขตพื้นที่การศึกษา
ข. บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารนอกสถานศึกษาในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ค. บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆ
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก และข้อ ข
6. คำว่า “ใบอนุญาต” ในพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 หมายถึงข้อใด
ก. ใบอนุญาตประกอบวิชีพซึ่งออกให้ผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งครู
ข. ในอนุญาตประกอบวิชาชีพซึ่งออกให้ผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา
ค. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพซึ่งออกให้ผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา
ง. ถูกทุกข้อ
7. กฎกระทรวงซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกตามบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ต้องดำเนินการตามข้อใดจึงใช้บังคับได้
ก. ประกาศให้ทราบโดยทั่วถึงภายในกระทรวง ข. ประกาศในหนังสือพิมพ์
ค. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ง. ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
8. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของคุรุสภา
ก. กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ
ข. กำหนดนโยบายและแผนพัฒนาวิชาชีพ
ค. บริหารและจัดการการเงิน การพัสดุ และทรัพย์สินของคุรุสภา
ง. ประสานส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพ
9. ข้อใดเป็นอำนาจหน้าที่ของคุรุสภา
ก. กำหนดมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ
ข. รับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิของสถาบันต่างๆ ตามมาตรฐานวิชาชีพ
ค. ออกข้อบังคับของคุรุสภา
ง. ถูกทุกข้อ
10. ข้อบังคับของคุรุสภา ต้องดำเนินการตามข้อใดจึงให้ใช้บังคับได้
ก. ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี
ข. ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. ถูกเฉพาะข้อ ข และ ข้อ ค
11. การเสนอร่างข้อบังคับของคุรุสภาต่อรัฐมนตรี หากรัฐมนตรีมิได้ยับยั้งภายในระยะเวลาเท่าใด นับแต่วันที่ได้รับร่างข้อบังคับดังกล่าว ให้ถือว่ารัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบร่างข้อบังคับนั้น
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 45 วัน
12. การเสนอร่างข้อบังคับของคุรุสภาต่อรัฐมนตรี หากรัฐมนตรียับยั้งร่างข้อบังคับดังกล่าว คุรุสภาต้องประชุมอีกครั้งหนึ่งภายในระยะเวลากี่วันนับแต่วันที่ได้รับการยับยั้ง
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 45 วัน
13. คะแนนเสียงยืนยันร่างข้อบังคับของคุรุสภาที่ถูกรัฐมนตรียับยั้ง ต้องมีคะแนนเสียงเท่าใดของจำนวนกรรมการทั้งคณะ
ก. ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ข. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3
ค. ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ง. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3
14. ข้อใดไม่ใช่ที่มาของรายได้ของคุรุสภา
ก. เก็บค่าธรรมเนียมใยอนุญาต ข. เงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน
ค. เงินบริจาค ง. รายได้จากการประกอบกิจการสถานศึกษา
15. ประธานกรรมการของคณะกรรมการคุรุสภา คือบุคคลในข้อใด
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. บุคคลที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
ง. บุคคลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้ง
16. บุคคลในข้อใดไม่ใช่กรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการคุรุสภา
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ค. เลขาธิการสภาการศึกษา
ง. หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น
17. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุรุสภา มีจำนวนทั้งหมดกี่คน
ก. 5 คน ข. 7 คน
ค. 15 คน ง. 25 คน
18. สัดส่วนของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งจากผู้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะคุรุศาสตร์ หรือศึกษาศาสตร์ หรือการศึกษา ซึ่งเลือกกันเองจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน เพื่อมาเป็นกรรมการคุรุสภา เป็นไปตามข้อใด
ก. จากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จำนวน 3 คน จากสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 3 คน
ข. จากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จำนวน 3 คน จากสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 2 คน
ค. จากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จำนวน 3 คน จากสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 1 คน
ง. จากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จำนวน 2 คน จากสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 2 คน
19. กรรมการจากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ในคณะกรรมการคุรุสภา มีจำนวนทั้งหมดกี่คน
ก. 13 คน ข. 15 คน
ค. 19 คน ง. 21 คน
20. ผู้ดำรงตำแหน่งเลขานุการในคณะกรรมการคุรุสภาคือบุคคลในข้อใด
ก. เลขาธิการคุรุสภา
ข. ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการคุรุสภา
ค. เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา
ง. หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น
กฎหมาย พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
1. พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ประกาศวันที่เท่าใด
ก. 2 ตุลาคม 2546 ข. 3 ตุลาคม 2546
ค. 1 พฤษภาคม 2547 ง. 2 พฤษภาคม 2547
ตอบ ก. 2 ตุลาคม 2546
2. พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ใช้บังคับวันใด
ก. พ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. พ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. พ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. พ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ง. พ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
3. บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 หมายถึงข้อใด
ก. เด็ก ข. เยาวชน
ค. นักเรียน ง. นักศึกษา
ตอบ ก. เด็ก
4. ข้อใด ไม่ใช่ เด็กพิการ ตามพรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
ก. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย ข. เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
ค. เด็กที่มีความบกพร่องทางสมอง ง. เด็กที่มีความบกพร่องทางจิตใจ
ตอบ ก. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย
5. ข้อใดคือความหมายของ สถานรับเลี้ยงเด็กตามพรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
ก. สถานที่รับเลี้ยงและพัฒนาเด็กที่มีอายุต่ำกว่าหกปีบริบูรณ์ และมีจำนวนตั้งแต่หกคนขึ้นไป
ข. สถานที่รับเลี้ยงและพัฒนาเด็กที่มีอายุไม่เกินหกปีบริบูรณ์ และมีจำนวนตั้งแต่หกคนขึ้นไป
ค. สถานที่รับเลี้ยงและพัฒนาเด็กที่มีอายุไม่ต่ำกว่าเจ็ดปีบริบูรณ์ และมีจำนวนตั้งแต่เจ็ดคนขึ้นไป
ง. สถานที่รับเลี้ยงและพัฒนาเด็กที่มีอายุไม่เกินเจ็ดปีบริบูรณ์ และมีจำนวนตั้งแต่หกคนขึ้นไป
6. พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มีทั้งสิ้นกี่หมวดกี่มาตรา
ก. 6 หมวด 86 มาตรา ข. 7 หมวด 88 มาตรา
ค. 8 หมวด 86 มาตรา ง. 9 หมวด 88 มาตรา
ตอบ ง. 9 หมวด 88 มาตรา
7. ข้อใด ไม่ใช่ ผู้รักษาการตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
ก. รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทย
ข. รมต.ว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ค. รมต.ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ง. รมต.ว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
ตอบ ง. รมต.ว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
8. สงเคราะห์ซึ่งมีจำนวนตั้งแต่หกคนขึ้นไปคือความหมายของข้อใด
ก. สถานรับเลี้ยงเด็ก ข. สถานแรกรับ
ค. สถานสงเคราะห์ ง. สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ
ตอบ ค. สถานสงเคราะห์
9. ใครเป็นประธานกรรมการคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
10. จากข้อ 9 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องเป็นสตรีจำนวนเท่าใด
ก. 1 ใน 3 ข. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3
ค. 2 ใน 3 ง. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3
ตอบ ข. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3
11. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ข. 3 ปี
12. ประธานคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด คือใคร
ก. รัฐมนตรี ข. ปลัดกระทรวง
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. เลขาธิการ สพฐ.
ตอบ ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด
13. เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์มีกี่ประเภท
ก. 4 ประเภท ข. 6 ประเภท
ค. 8 ประเภท ง. 9 ประเภท
ตอบ ค. 8 ประเภท
14. เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพมีกี่ประเภท
ก. 3 ข. 5
ค. 7 ง. 9
ตอบ ก. 3
15. ข้อใด ไม่ใช่ เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ
ก. เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบ
ข. เด็กที่ถูกทารุณกรรม
ค. เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
ง. เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ
ตอบ ก. เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบ
16. บุคคลที่ได้รับการสงเคราะห์มีอายุสิบแปดปีบริบูรณ์แต่ยังอยู่ในสภาพที่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ต่อไป ปลัดกระทรวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัดอาจสั่งให้ได้รับการสงเคราะห์ต่อไปจนอายุเท่าใด
ก. 20 ปี ข. 20 ปีบริบูรณ์
ค. 24 ปี ง. 24 ปีบริบูรณ์
17. การส่งเด็กไปสถานแรกรับ สถานพัฒนาและฟื้นฟู หรือสถานที่อื่นใด ระหว่างสืบเสาะและพินิจเพื่อหาวิธีคุ้มครองสวัสดิภาพที่เหมาะสม ให้กระทำได้เท่าใด
ก. ไม่เกิน 7 วัน ข. ไม่เกิน 7 วันทำการ
ค. ไม่เกิน 15 วัน ง. ไม่เกิน 15 วันทำการ
ตอบ ก. ไม่เกิน 7 วัน
18. หากศาลเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อคุ้มครองเด็กมิให้ถูกทารุณกรรม ให้ศาลมีอำนาจออกคำสั่งให้ตำรวจจับกุมผู้ที่เชื่อว่าจะกระทำทารุณกรรมต่อเด็กมากักขังไว้กำหนดครั้งละเท่าใด
ก. ไม่เกิน 30 วัน ข. ไม่เกิน 60 วัน
ค. ไม่ต่ำกว่า 30 วัน ง. ไม่ต่ำกว่า 60 วัน
ตอบ ก. ไม่เกิน 30 วัน
19. ผู้ใดขัดขวาง ไม่ปฏิบัติตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มีความผิด
ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ข. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกิน 2 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท
ง. จำคุกไม่เกิน 2 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
20. ผู้ใดกระทำการอันเป็นการยุยง ส่งเสริม ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนให้นักเรียนหรือนักศึกษาฝ่าฝืนบทบัญญัติตามมาตรา 64 พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ต้องระวางโทษตามข้อใด
ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ข. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท
ง. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ข. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545
1. พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มีจำนวนกี่หมวด กี่มาตรา
ก.8 หมวด 78 มาตรา ข.8 หมวด 87 มาตรา
ค.9 หมวด 87 มาตรา ง.9 หมวด 78 มาตรา
ตอบ ง.9 หมวด 78 มาตรา
2. พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติถือว่าเป็น
ก.กฎหมายแม่บทการจัดการศึกษา ข.แนวทางจัดการศึกษาของรัฐ
ค.การปรับปรุงการศึกษาสอดคล้องรัฐธรรมนูญ ง.การปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ของไทย
ตอบ ก.กฎหมายแม่บทการจัดการศึกษา
3. พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่
ก.19 ส.ค. 42 ข.20 ส.ค. 42
ค.1 ต.ค. 42 ง.1 พ.ย. 42
ตอบ ข.20 ส.ค. 42
4. วัตถุประสงค์ของการจัดทำ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2542
ก.ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
ข.ปฏิรูปการศึกษาของไทย
ค.พัฒนาคนไทยเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งทางร่างกายจิตใจ
ง.พัฒนาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ตอบ ก.ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
5. พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ สอดคล้องกับข้อใดมากที่สุด
ก.แผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมแห่งชาติ
ข.แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ
ค.แผนการศึกษาแห่งชาติ
ง.แผนพัฒนาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมของกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ค.แผนการศึกษาแห่งชาติ
6. ต่อไปนี้ ข้อใดไม่สอดคล้องคำว่าการศึกษา
ก.การถ่ายทอดความรู้ ข.การฝึกอบรม
ค.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ง. การสืบสานทางวัฒนธรรม
ตอบ ค.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
7. ข้อใดให้ความหมายไม่ตรงกับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
ก. การศึกษาขั้นพื้นฐาน คือการศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
ข. สถานศึกษา คือสถานที่จัดการสอนตั้งแต่ก่อนประถม ถึงระดับก่อนอุดมศึกษา
ค. มาตรฐานการศึกษา เป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพที่พึงประสงค์ และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดในสถานศึกษาทุกแห่ง
ง. กระทรวง หมายความว่ากระทรวงการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ตอบ ข.สถานศึกษา คือสถานที่จัดการสอนตั้งแต่ก่อนประถม ถึงระดับก่อนอุดมศึกษา
8. ข้อใดต่างจากพวก
ก.ครู ข.คณาจารย์
ค.ผู้บริหารสถานศึกษา ง.ผู้บริหารการศึกษา
ตอบ ข.คณาจารย์
9. ความมุ่งหมายของการจัดการศึกษาตาม พ.ร.บ.นี้ ได้แก่
ก.ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
ข.ปฏิรูปการศึกษาของไทย
ค.พัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ
ง.พัฒนาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ตอบ ค.พัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ
10. ข้อใดไม่ใช่หลักการ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2542
ก.เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อปวงชน
ข.เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
ค.ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
ง.พัฒนา สาระ และกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตอบ ก.เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อปวงชน
11. ข้อใดไม่สอดคล้องกับการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามความมุ่งหมายของ พ.ร.บ.
ก.ปลูกฝังจิตสำนึกการเมือง การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข
ข.รักษา และส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ เคารพกฎหมาย
ค.รู้จักรักษาผลประโยชน์ ส่วนรวมของประเทศชาติ
ง.กระจายการพัฒนาไปสู่ชนบทโดยการมีส่วนร่วมของภูมิปัญญาท้องถิ่น
ตอบ ง.กระจายการพัฒนาไปสู่ชนบทโดยการมีส่วนร่วมของภูมิปัญญาท้องถิ่น
12. ข้อใดไม่สอดคล้องการจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการการจัดการศึกษา
ก.กระจายอำนาจสู่สถานศึกษาทั้งหมด
ข.กำหนดมาตรฐานการศึกษา จัดระบบประกันคุณภาพ
ค.มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
ง.รวมทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ มาไว้ในการจัดการศึกษา
ตอบ ก.กระจายอำนาจสู่สถานศึกษาทั้งหมด
13. คำว่า “เอกภาพด้านนโยบาย หลากหลาย การปฏิบัติ” สอดคล้องกับข้อใด
ก. ส่วนกลางกำหนดนโยบาย ส่วนภูมิภาคกำหนดแนวทางปฏิบัติ
ข. กระทรวงกำหนดนโยบายมาตรฐานสนับสนุนเขตพื้นที่และสถานศึกษาบริหารจัดการด้วยตนเอง
ค. มีนโยบายเดียวกัน แต่การปฏิบัติหลากหลายวิธี
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
14. ต่อไปนี้ ข้อใดไม่มีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก.รัฐ ข.เอกชน
ค.องค์กรปกครองท้องถิ่น ง.โรงเรียน
ตอบ ง.โรงเรียน
15. ข้อใดไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ บิดา มารดา ผู้ปกครอง พึงได้รับในการจัดการศึกษา
ก.การสนับสนุนจากรัฐ ให้ความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู
ข.การยกเงินภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา
ค.เงินอุดหนุนจากรัฐสำหรับการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานของคนในการดูแล
ง.การให้การศึกษาแก่บุตรหรือบุคคลในการดูแล
ตอบ ข.การยกเงินภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา
16. จุดที่ต่างกันของการศึกษาระบบต่างๆ ที่สำคัญคือข้อใด
ก.ระยะเวลาที่จัดการศึกษา ข.สถานที่จัดการศึกษา
ค.ตัวผู้เข้ารับการศึกษา ง.จุดหมาย วิธีการ หลักสูตร
ตอบ ง.จุดหมาย วิธีการ หลักสูตร
17. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการศึกษาตามอัธยาศัย
ก.สถานศึกษา ต้องจัดการศึกษา ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
ข.ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อม โอกาส
ค.จัดการเรียนรู้ทุกที่ ทุกเวลา
ง.ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมเป็นแหล่งเรียนรู้
ตอบ ก.สถานศึกษา ต้องจัดการศึกษา ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
18. ต่อไปนี้ ข้อใดไม่ใช่ สถานศึกษาปฐมวัย และการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก.โรงเรียน ข.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ค.ศูนย์พัฒนาชุมชน ง.ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์ สถาบันศาสนา
ตอบ ค.ศูนย์พัฒนาชุมชน
19. ข้อใดไม่ถูกต้องในด้านการกระจายอำนาจให้เขตพื้นที่และสถานศึกษา
ก.ด้านวิชาการ ข.งบประมาณ
ค.หลักสูตรการสอน ง.การบริหารทั่วไป
ตอบ ค.หลักสูตรการสอน
20. ต่อไปนี้ข้อใดไม่ใช่กรรมการโรงเรียน
ก.ผู้แทนครู ข.ผู้แทนองค์กรเอกชน
ค.ผู้แทนศิษย์เก่า ง.ผู้แทนคุณวุฒิ
ตอบ ข.ผู้แทนองค์กรเอกชน